ประวัติวัดป่าวิสุทธิคุณ โดย อาจารย์พระมหาศักฎา สุมโน (ป.ธ.๙ , รป.ม.)
วัดป่าวิสุทธิคุณ ตั้งอยู่หน้าวนอุทยานเขานางพันธุรัต ตำบลชะอำ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ปัจจุบัน (พ.ศ. ๒๕๕๒) มีเนื้อที่ ๑๓ ไร่ ๒ งาน ๗๙ ตารางวา
มโปณิธาน
ก่อนที่ข้าพเจ้าจะมาพัฒนาวัดป่าวิสุทธิคุณ ข้าพเจ้าพำนักอยู่ที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ในขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาส ได้รับมอบหมายจากหลวงพ่อพระมหาเสริมชัย ชยมงฺคโล (สมณศักดิ์สุดท้าย คือ พระเทพญาณมงคล วิ.) ให้ดูแลการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกบาลี โดยดำรงตำแหน่งเป็นอาจารย์ใหญ่ฝ่ายพระปริยัติธรรม แผนกบาลี
ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ หลวงพ่อพระมหาเสริมชัย ชยมงฺคโล ได้จัดตั้งศูนย์พุทธภาวนาวิชชาธรรมกายประจำภาคต่างๆ โดยจัดตั้งศูนย์พุทธภาวนาวิชชาธรรมกายประจำภาคใต้ ที่จังหวัดยะลาเป็นแห่งแรก
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ข้าพเจ้าได้มอบหมายจากหลวงพ่อพระมหาเสริมชัย ชยมงฺคโล ให้เป็นหัวหน้าหน่วยพุทธภาวนาวิชชาธรรมกายเคลื่อนที่ประจำภาคใต้ จึงนำคณะพระวิทยากรไปเปิดอบรมพระกัมมัฏฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ได้ปฏิบัติและได้ถ่ายทอดสั่งสอนไว้ ในจังหวัดต่างๆ เช่น จังหวัดภูเก็ต จังหวัดพังงา จังหวัดกระบี่ จังหวัดสงขลา จังหวัดยะลา และจังหวัดนราธิวาส
จากที่ได้นำคณะพระวิทยากรไปเปิดอบรมพระกัมมัฏฐานนั้น ปรากฏว่า มีประชาชนให้ความสนใจเข้ารับการอบรมฯ มากขึ้นตามลำดับ และมีบางคนปฏิบัติได้ผลดีจนถึงดีมาก แต่เมื่อข้าพเจ้าและคณะพระวิทยากรเดินทางกลับวัดหลวงพ่อสดฯ สาธุชนที่ปฏิบัติได้ผลดีเหล่านั้นขาดบุคลากรผู้มีความรู้ความเข้าใจในวิชชาธรรมกายคอยดูแลแนะนำ ทำให้ธรรมที่ปฏิบัติเข้าถึงนั้นเสื่อมไป และเมื่อข้าพเจ้านำคณะพระวิทยากรไปเปิดอบรมฯ ในปีต่อไป สาธุชนที่เคยปฏิบัติได้ผลดีบางคนก็สามารถฟื้นฟูธรรมกลับคืนมาได้ เหตุการณ์เป็นเช่นนี้อยู่ ๒-๓ ปี
ด้วยเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ข้าพเจ้าจึงคิดว่า ถ้าจะให้วิชชาธรรมกายของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ได้ปฏิบัติเข้าถึง-รู้-เห็น และเป็น และได้ถ่ายทอดสั่งสอนไว้นั้น ได้แผ่กระจายไปยังสาธุชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่ไม่สามารถทางเดินไปปฏิบัติธรรมที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม ได้มีโอกาสฝึกปฏิบัติบ้าง ควรจะมีบุคลากรของวัดหลวงพ่อสดฯ ลงไปอยู่ในพื้นที่ และช่วยแนะนำแนวทางการปฏิบัติ ดังนั้น ในปี พ.ศ. ๒๕๓๗ ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจว่า เราจะเสียสละลงไปอยู่ที่ภาคใต้เอง ข้าพเจ้าได้นำความคิดนี้ไปปรึกษากับเพื่อนสหธรรมิกหลายท่าน ปรากฏว่า บางท่านให้คำแนะนำว่า ควรอยู่ช่วยงานหลวงพ่อพระมหาเสริมชัย ชยมงฺคโล ที่วัดหลวงพ่อสดฯ ก่อน เพราะวัดหลวงพ่อสดฯ มีบุคลากรยังไม่มาก เมื่อได้รับคำแนะนำเช่นนั้น รวมทั้งรำลึกถึงพระคุณของหลวงพ่อพระมหาเสริมชัย ชยมงฺคโล ที่มีเมตตาสั่งสอนธรรมให้แก่ข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจอยู่ช่วยที่วัดหลวงพ่อสดฯ ประมาณ ๕ ปี เมื่อวัดหลวงพ่อสดฯ มีบุคลากรมากเพียงพอ ข้าพเจ้าจะลงไปอยู่ประจำที่ภาคใต้เพื่อปฏิบัติกิจพระศาสนาตามที่ตั้งใจไว้
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๓ เมื่อวัดหลวงพ่อสดฯ มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมากขึ้น ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจที่จะลงไปอยู่ประจำที่ภาคใต้และตั้งศูนย์พุทธภาวนาวิชชาธรรมกายประจำภาคใต้ ตามที่ตั้งใจไว้ จึงเข้าไปกราบลาพระเดชพระคุณพระภาวนาวิสุทธิคุณ (เสริมชัย ชยมงฺคโล) เพื่อไปปฏิบัติกิจตามที่ตั้งใจไว้ แต่ขณะนั้น อดีตเจ้าอาวาสวัดนิคมคณาราม อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้มาขอพระภิกษุของวัดหลวงพ่อสดฯ เพื่อไปดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เนื่องด้วยท่านมีภาระกิจที่ต้องพัฒนาวัดอีกหลายแห่ง จึงไม่มีเวลาพัฒนาวัดนิคมคณารามให้ดีขึ้น พระเดชพระคุณพระภาวนาวิสุทธิคุณ (เสริมชัย ชยมงฺคโล) จึงส่งข้าพเจ้าให้ไปอยู่ที่วัดนิคมคณาราม โดยสั่งให้ข้าพเจ้าไปดูก่อน ข้าพเจ้าได้กราบเรียนท่านว่า ข้าพเจ้าขออยู่ที่วัดนิคมคณาราม ตามคำสั่งของท่านเพียงพรรษาเดียว เพราะต้องการที่จะลงไปตั้งศูนย์พุทธภาวนาวิชชาธรรมกายที่ภาคใต้ และขอให้ท่านหาพระภิกษุไปอยู่ต่อ
ข้าพเจ้าได้เดินทางไปอยู่วัดนิคมคณาราม พร้อมกับพระภิกษุอนุจรอีก ๔ รูป และสามเณร ๑ รูป ทั้งหมดได้ช่วยกันพัฒนาวัดนิคมคณารามและปฏิบัติศาสนกิจด้วยดี เป็นเหตุให้ญาติโยมสาธุชนศรัทธามากขึ้น
ก่อนที่จะอธิษฐานเข้าอยู่จำพรรษา ณ วัดนิคมคณาราม ข้าพเจ้าพยายามเสาะแสวงหาสถานที่เพื่อจัดตั้งเป็นสำนักปฏิบัติธรรม จึงได้ติดต่อกับโยมที่ไปปฏิบัติธรรมที่วัดหลวงพ่อสดฯ ให้ช่วยหาพื้นที่สักแปลงหนึ่ง คุณโยมท่านนั้นพาข้าพเจ้ามาที่อำเภอชะอำเพื่อดูสถานที่สร้างสำนักปฏิบัติธรรม ซึ่งได้แนะนำพื้นที่หลายแห่ง จนกระทั่งมาพบพื้นที่บริเวณหน้าวนอุทยานเขานางพันธุรัต ซึ่งเป็นสถานที่มีความสัปปายะทุกประการ ข้าพเจ้าขอให้คุณโยมท่านนั้นช่วยหาที่ดินสักแปลงหนึ่งบริเวณหน้าวนอุทยานเขานางพันธุรัต เพื่อพัฒนาเป็นสำนักปฏิบัติธรรม
ที่ดินแปลงแรก
ในพรรษานั้น (พ.ศ. ๒๕๔๓) คุณโยมที่ช่วยข้าพเจ้าติดต่อเรื่องที่ดิน ได้พาข้าพเจ้าและโยมมารดา
(นางสมบัติ เกียรติวาทีรัตนะ) ไปพบกับคุณโยมเลิศ อยู่สบาย ซึ่งประกาศขายที่ดินแปลงหนึ่ง
จำนวน ๖ ไร่เศษ เมื่อคุณโยมเลิศ อยู่สบาย ทราบว่าอาตมากำลังหาดินที่เพื่อพัฒนาเป็นสำนักปฏิบัติธรรม
จึงขายให้อาตมาในราคาทำบุญ
ข้าพเจ้าได้นำเรื่องนี้ไปกราบเรียนปรึกษากับพระเดชพระคุณพระภาวนาวิสุทธิคุณ
(เสริมชัย ชยมงฺคโล) ซึ่งก็ได้รับความเมตตาจากท่านที่จะรับเป็นประธานทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อซื้อที่ดินแห่งนี้
หลังจากข้าพเจ้าและคณะกระทำพิธีอนุโมทนากฐิน ณ วัดนิคมคณารามแล้ว ทั้งหมดก็พากันลาญาติโยมผู้มีอุปการคุณไปอยู่ที่อำเภอชะอำ
ณ พื้นที่ดินที่ซื้อจากคุณโยมเลิศ อยู่สบาย ซึ่งสภาพพื้นที่ดินตอนนั้นรกชัฏไปด้วยวัชพืช
ข้าพเจ้าและพระภิกษุสามเณรได้พากันมาปักกลดพำนักอยู่บริเวณพื้นที่ดินแห่งนี้
ในคืนวันหนึ่ง หลังจากที่ข้าพเจ้าและพระภิกษุสามเณรได้สวดมนต์และพากันปฏิบัติธรรมที่กลดของตนแล้ว
กำลังจะพักผ่อนข้าพเจ้าได้ยินเสียงโห่ร้องดังก้องออกมาจากภายในเขา ซึ่งลักษณะเสียงเหมือนกับคนโบราณโห่ร้องด้วยความดีใจ
แต่มิได้สนใจอะไรมาก รุ่งเช้าจึงได้สอบถามพระภิกษุสามเณรว่า เมื่อคืนนี้ได้ยินเสียงโห่ร้องหรือไม่
ปรากฏว่า ทุกรูปได้ยินเสียงเหมือนกันหมด พระภิกษุบางรูปออกมานอกกลดเพื่อจะกำหนดทิศทางของเสียงว่ามาจากไหน
เพราะอาจจะเป็นเสียงที่สะท้อนเขาก็ได้ แต่กลับไม่ได้ยินเสียงโห่ร้อง และเมื่อกลับเข้าไปในกลดเพื่อพักผ่อนก็ได้ยินเสียงโห่ร้องเช่นนั้นอีก
ข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องนี้ให้ญาติโยมที่อยู่ในหมู่บ้านโคกเศรษฐีฟัง คุณโยมบางท่านบอกว่า
บริเวณเขานางพันธุรัตเป็นเมืองลับแล สมัยก่อนที่ยังเป็นป่ารกชัฏ ในช่วงหัวค่ำจะมีเสียงมโหรีดังออกมาจากเขา
บางท่านบอกว่า เวลาค่ำคืน ประมาณ ๒๓.๐๐ น. จะมีดวงแก้วสว่างขนาดเท่าผลแตงโมบ้าง ขนาดกำปั้นคนบ้าง
ลอยอยู่ยอดเขา แสงสว่างจากดวงแก้วนั้น ทำให้บริเวณเขานางพันธุรัตสว่าง มองเห็นเขาได้ชัดเจนขึ้น
ในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๓ ข้าพเจ้าเริ่มพัฒนาที่ดินโดยปรับสภาพให้เหมาะสมต่อการปฏิบัติธรรม
ความเป็นอยู่ในช่วงแรกๆ นั้น ค่อนข้างลำบากมาก เพราะไม่มีอาคารให้พักอาศัย ข้าพเจ้าและคณะได้พากันพักในกระท่อมหญ้าคาบ้าง ในกลดบ้าง ในเต้นท์บ้าง เวลาจะใช้ห้องน้ำก็ต้องเดินไปใช้ที่บ้านคุณโยมเลิศ อยู่สบาย ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ ๕๐๐ เมตร
หลังจากปรับพื้นที่แล้ว ข้าพเจ้าได้สร้างศาลาปฏิบัติธรรม ซึ่งด้านหลังกั้นเป็นห้องสำหรับพระภิกษุและสามเณรพัก และสร้างโรงครัว ห้องน้ำ ที่พักของญาติโยม เพื่อพัฒนาเป็นสำนักปฏิบัติธรรมและใช้อบรมพระกัมมัฏฐานแก่พุทธบริษัท
ต่อมามีพระภิกษุมาอยู่พำนักเพิ่มขึ้น ข้าพเจ้าจึงสร้างกุฏิขึ้นมาชั่วคราว โดยทำจากหญ้าคาเพื่อเป็นที่พักของพระภิกษุ ตามกำลังทรัพยากรที่มีในขณะนั้น
ธรรมสถานป่าวิสุทธิคุณ
เมื่อก่อสร้างอาคารที่จำเป็นเสร็จแล้ว ข้าพเจ้าได้ขอความเมตตาพระเดชพระคุณพระภาวนาวิสุทธิคุณ
(เสริมชัย ชยมงฺคโล) ให้ตั้งชื่อสำนักปฏิบัติธรรมแห่งนี้ ซึ่งท่านได้ตั้งชื่อว่า
“ป่าวิสุทธิคุณ” โดยให้เหตุผลว่า “ด้านหลังมีสภาพเป็นป่า และถ้าตั้งเป็นวัดได้
ก็ให้ใช้ชื่อนี้” ข้าพเจ้าน้อมรับความเมตตาจากท่าน และได้นำชื่ออันเป็นมงคลนั้น มาตั้งเป็นชื่อสำนักปฏิบัติธรรม
โดยใช้นามว่า “ธรรมสถานป่าวิสุทธิคุณ” เนื่องด้วยสถานภาพของสำนักยังไม่ได้เป็นวัด
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๓ นั้น ข้าพเจ้าได้ตั้งโครงการพัฒนาสำนักปฏิบัติธรรม
“ธรรมสถานป่าวิสุทธิคุณ” โดยกราบอาราธนาพระเดชพระคุณพระภาวนาโกศลเถร
(ปัจจุบันดำรงสมณศักดิ์ที่ พระราชพรหมเถร) เป็นประธานโครงการ รวมทั้งกราบอาราธนาพระเดชพระคุณพระภาวนาวิสุทธิคุณ
(เสริมชัย ชยมงฺคโล) เป็นรอง ประธานโครงการ ซึ่งได้รับความเมตตาอย่างสูงจากพระมหาเถระทั้ง
๒ รูป ส่วนข้าพเจ้าเองดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการโครงการ โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ
๑. เพื่อพัฒนาให้เป็นสถานที่ถาวรในการศึกษาและปฏิบัติพระสัทธรรมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแก่สาธุชนทั้งหลาย
เพื่อสร้างธรรมทายาทในพระพุทธศาสนา ให้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทั้งทางด้านปริยัติและปฏิบัติพระสัทธรรม
อันเป็นการสร้างคนรักษาธรรม และจะได้เป็นกำลังสำคัญในการเผยแพร่พระสัทธรรมแก่ประชาชนทั่วไปให้ได้ผลดี
และ
๒. เพื่อพัฒนาให้เป็นสถานที่อบรมพระกัมมัฏฐานตามแนวสติปัฏฐาน ๔ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ปฏิบัติเข้าถึงและได้ถ่ายทอดสั่งสอนไว้
แก่สาธุชนทั้งหลาย เพื่อสร้างพระในใจคน
ต่อมาในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔ ธรรมสถานป่าวิสุทธิคุณได้จัดการอบรมพระกัมมัฏฐานรุ่นแรก
มีพระภิกษุ สามเณร และญาติโยมสาธุชน เข้าร่วมอบรมพระกัมมัฏฐานประมาณ ๔๐ รูป/คน และได้จัดอบรมคุณธรรม
จริยธรรม ให้แก่ข้าราชการ นักศึกษา และนักเรียน เป็นประจำ รวมทั้งจัดปฏิบัติเป็นประจำทุกวันอาทิตย์
นอกจากนั้น ได้จัดให้มีการเรียนการสอนพระประยัติธรรมทั้งแผนกนักธรรมและแผนกบาลี โดยส่งพระภิกษุและสามเณรสอบนักธรรมที่วัดนิคมวชิราราม ซึ่งเป็นวัดเจ้าคณะอำเภอชะอำ และส่งสอบบาลีที่วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี
ขออนุญาตสร้างวัด
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๔ ข้าพเจ้าได้รับคำแนะนำจากพระมหาเถระให้ดำเนินการขออนุญาตสร้างวัด
ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นต้องสร้างกุฏิที่มั่นคง เพื่อให้ถูกต้องตามระเบียบการขออนุญาตสร้างวัด
โดยขอให้โยมมารดาเป็นผู้ขออนุญาตสร้างวัด และได้รับอนุญาตให้สร้างวัดได้ด้วยความเห็นชอบของ
กระทรวงศึกษาธิการ และ มหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ ๘ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๕๔๕
ตั้งวัดป่าวิสุทธิคุณ
หลังจากได้รับอนุญาตให้สร้างวัดแล้ว ข้าพเจ้าได้ดำเนินการขอตั้งวัดทันที ในวันที่ ๒ เดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๕๔๖ ก็ได้รับการประกาศตั้งเป็นวัดในพระพุทธศาสนา ด้วยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติซึ่งประกาศเป็นวัดขึ้นในพระพุทธศาสนามีนามว่า “วัดป่าวิสุทธิคุณ”
ต่อมาในวันที่ ๙ เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๕๔๗ พระเดชพระคุณพระธรรมรัตนดิลก เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี ได้แต่งตั้งข้าพเจ้าให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดป่าวิสุทธิคุณ
ในวันที่ ๓๐ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๔๗ วัดป่าวิสุทธิคุณได้รับประกาศมหาเถรสมาคม ให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดเพชรบุรี แห่งที่ ๑ และในปี พ.ศ. ๒๕๔๘ ก็ได้เข้าร่วมโครงการปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน ซึ่งมีข้าราชการเข้าร่วมปฏิบัติธรรมรวม ๔ รุ่น ๆ ละ ๕๐ คนพัฒนาวัดป่าวิสุทธิคุณ
ในปี พ.ศ. ๒๕๔๗ วัดป่าวิสุทธิคุณได้เริ่มก่อสร้างศาลาอเนกประสงค์ ใช้ระยะเวลาประมาณ ๓ ปีจึงสร้างสำเร็จ
นอกจากนั้น ได้ก่อสร้างเสนาสนะ ห้องน้ำ และโรงครัว เพื่อให้มีความสัปปายะมากขึ้น